ยินดีต้อนรับสู่เว็บบล็อก รายวิชาภาษาอังกฤษ ได้เลยจ้ะ

วันพุธที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

So and Neither

หลักการง่าย ๆ ของการใช้ so กับ neither ก็มีดังนี้ค่ะ
ถ้า ประโยคแรก เป็น ประโยคบอกเล่า ประโยคที่สองที่ตามมาให้ใช้ so
ถ้า ประโยคแรก เป็น ประโยคปฏิเสธ (มี not หรือมี n’t อยู่) ประโยคที่สองที่ตามมาให้ใช้ neither
รูปแบบการใช้ so หรือ neither ก็คือ
So + Verb ช่วย + ประธาน(ใช่ค่ะ รูปแบบแบบนี้ ประธานจะอยู่ท้ายประโยค)
Neither + Verb ช่วย + ประธาน
ดังนั้น Verb ช่วย ที่จะเอามาใช้ จะต้องผันตามประธาน เช่น ถ้าใช้เป็น Verb to do ก็จะเป็น does ถ้าประธานเป็นเอกพจน์ และก็จะใช้ do ถ้าประธานเป็นพหูพจน์ อ่านเพิ่มเติม

วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

Tense

Tense   คือรูปแบบ(หรือโครงสร้าง)ของกริยา  ที่แสดงให้เราทราบว่า  การกระทำหรือเหตุการ นั้นๆเกิดขึ้นเมื่อใด   ซึ่งเรื่อง  tense  นี้เป็นเรื่องสำคัญ  ถ้าเราใช้    tense  ไม่ถูก  เราก็จะสื่อภาษากับเขา ไม่ได้  เพราะในประโยคภาษาอังกฤษนั้นจะอยู่ในรูปของ  tense  เสมอ  ซึ่งต่างกับภาษาไทยที่เราจะมีข้อความบอกว่าาเกิดขึ้นเมื่อใดมาช่วยเสมอ   แต่ภาษาอังกฤษจะใช้รูป  tense  นี้มาเป็นตัวบอก  ดังนี้การศึกษาเรื่อง  tense  จึงเป็นเรื่องจำ เป็น.
Tense  ในภาษาอังกฤษนี้จะแบ่ง ออกเป็น  3  tense  ใหญ่ๆคือ
               1.     Present   tense        ปัจจุบัน
               2.     Past   tense              อดีตกาล
               3.     Future   tense          อนาคตกาล
ในแต่ละ  tense ยังแยกย่อยได้  tense  ละ  4  คือ
              1 .   Simple   tense    ธรรมดา(ง่ายๆตรงๆไม่ซับซ้อน).
              2.    Continuous  tense    กำลังกระทำอยู่(กำลังเกิดอยู่)
              3.     Perfect  tense     สมบูรณ์(ทำเรียบร้อยแล้ว).

              4.     Perfect  continuous  tense  สมบูรณ์กำลังกระทำ(ทำเรียบร้อยแล้วและกำลัง ดำเนินอยู่ด้วย). อ่านเพิ่มเติม

วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2559

Phrasal Verb

Phrasal verbs หรือ two-word verbs
     คือ การใช้คำกริยาที่ปกติแล้วมีความหมายอย่างหนึ่ง แต่ส่วนประกอบ เมื่อ verb+ preposition or particle มารวมกันเป็น Phrasal verbs แล้ว อาจจะทำให้เกิดความหมายใหม่ขึ้นมาซึ่งอาจจะไม่มีเค้าความหมายของคำกริยาเดิมเลย นิยมใช้กันมากในภาษาอังกฤษ
หลักสำคัญในการใช้ Phrasal Verbs หรือ Two-Word Verbs
1.เมื่อไม่มี direct object ต้องวาง adverb ไว้ติดกับ verb เช่น
   - please come in.
   - Don't give up, whatever happens.
อ่านเพิ่มเติม

วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2558

Indirect Speech

Indirect Speech - Statement

Indirect Speech - Statement หรือ ประโยคบอกเล่าในรูปแบบของ Indirect Speech

หลักการเปลี่ยนจากประโยค Direct Speech เป็น Indirect Speech

1. นำเครื่องหมายคำพูด (Quotation Marks (“…”)) และ comma (,) ออก

2. เปลี่ยน says เป็น says that
say to เป็น tell
said เป็น said that
said to เป็น told

3. เราสามารถที่จะเติม “that” หลัง Reporting Verbs หรือไม่ก็ได้

4. เปลี่ยนสรรพนามให้สอดคล้องกับประธานหลักของประโยค

5. เปลี่ยนคำระบุเวลาต่างๆ และ เปลี่ยนคำที่เป็นระยะ ใกล้ ให้เป็น ไกล เช่น

Direct Speech: He said, “I bought this house 2 years ago.”


Indirect Speech: He said (that) he bought that house 2 years before.อ่านเพิ่มเติม